ชั้นวางแบบ Drive-Inและชั้นวางแบบ Selectiveเป็นระบบจัดเก็บสินค้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในคลังสินค้า แต่ละระบบมีข้อดี ข้อจำกัด และรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่จัดเก็บและการทำงานได้สูงสุด
1. การเข้าถึงสินค้า (Accessibility)
-
Drive-In Rack
รถฟอร์คลิฟต์สามารถขับเข้าไปภายในช่องของชั้นวางเพื่อจัดเก็บหรือเบิกสินค้าได้โดยตรง ใช้หลักการLIFO (Last-In, First-Out)คือสินค้าที่เข้าไปล่าสุดจะถูกนำออกก่อน เหมาะกับสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องหมุนเวียนบ่อย
ข้อจำกัด :การเข้าถึงทำได้จากด้านหน้าเท่านั้น ไม่เหมาะกับสินค้าที่ต้องการระบบหมุนเวียนแบบ FIFO
-
Selective Rack
รถฟอร์คลิฟต์สามารถเข้าถึงแต่ละพาเลทได้โดยตรงจากทุกช่องชั้นวาง จัดเก็บแบบFIFOหรือLIFOได้ตามการจัดเรียง
ข้อดี:เข้าถึงสินค้าได้ง่าย รวดเร็ว เหมาะกับสินค้าที่มีการหมุนเวียนบ่อยและหลายรหัส (SKU)
2. ความหนาแน่นในการจัดเก็บ (Storage Density)
-
Drive-In Rack
มีความหนาแน่นสูง เพราะสามารถจัดเก็บสินค้าต่อเนื่องลึกหลายพาเลทโดยไม่ต้องเว้นช่องทางเดิน
ข้อดี:ใช้พื้นที่จัดเก็บได้เต็มประสิทธิภาพ เหมาะกับสินค้าประเภทเดียวกันจำนวนมาก
-
Selective Rack
ต้องเว้นทางเดินระหว่างแถวชั้นวางเพื่อให้รถฟอร์คลิฟต์เข้าถึงทุกพาเลทได้
ข้อจำกัด:ความหนาแน่นในการจัดเก็บน้อยกว่า Drive-In แต่ได้ความสะดวกในการเบิกจ่ายสินค้าแทน
3. รูปแบบการจัดวางและการใช้งาน (Operation)
-
Drive-In Rack
มีช่องทางให้รถฟอร์คลิฟต์ขับเข้าออกได้ในแต่ละเลน ต้องการการขับเคลื่อนที่แม่นยำ เหมาะกับสินค้าแบบเดียวกัน เช่น สินค้าผลิตล็อตเดียวกัน หรือสินค้าสำหรับเก็บระยะยาว
-
Selective Rack
มีโครงสร้างเป็นแถวชั้นวางเรียงกัน มีช่องว่างระหว่างแถวเพื่อให้เข้าถึงสินค้าได้จากหลายมุม เหมาะกับคลังสินค้าที่มีสินค้าหลากหลายประเภทและต้องการหยิบสินค้าอย่างต่อเนื่อง


แนวทางการเลือกใช้งาน
-
เลือกDrive-In Rackหากคลังสินค้าของคุณต้องการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสูงสุดและสินค้ามีลักษณะซ้ำกัน ปริมาณมาก และหมุนเวียนช้า
-
เลือกSelective Rackหากต้องการความยืดหยุ่นในการจัดเก็บและหยิบสินค้าได้รวดเร็วโดยเฉพาะในระบบที่มีสินค้าหลายรหัส (SKU) และหมุนเวียนบ่อย